วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สิ่งสำคัญ 10 ประการที่ Biker ควรจำและนำไปใช้

สิ่งสำคัญ 10 ประการที่ Biker ควรจำและนำไปใช้

ขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจอย่างไรให้ปลอดภัย?

          ชาว Bigbike (บิ๊กไบค์) ทั้งหลายก็คงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าการขับรถมอเตอร์ไซค์นั้น ความปลอดภัยของเราคือสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีบทเรียนออกมาให้เห็นกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ ทั้งจากตัวเราเองและจากผู้ขับขี่คนอื่นๆ และในเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้จำนวนของรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือ Bigbike นั้นก็ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันนี้ BoxzaRacing จึงนำเอาเกร็ดความรู้ดีๆเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน 10 ประการมาให้เพื่อนๆได้ดูกัน จะมีอะไรบ้างตามมาดูกันเลยครับ

1. สวมหมวกกันน็อค

สวมหมวกกันน็อคทุกครั้ง
 
          แน่นอนอยู่แล้วว่าความปลอดภัยเริ่มต้นที่ตัวเราก่อนเป็นอันดับแรก เรื่องของหมวกกันน็อคจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ชาวไบค์เกอร์ทั้งหลายให้ ความสำคัญ ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีหลากหลายรูปแบบให้ผู้ใช้งานได้เลือกซื้อกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบ ครึ่งใบ หรือเต็มใบ ก็แล้วแต่เพื่อนๆว่าจะชอบการสวมใส่แบบไหน แต่อย่าลืมว่าหมวกกันน็อคนั้นต้องได้รับมาตรฐานนะครับผม

2. มองถนนรอบด้านให้มั่นใจก่อนออกตัว

มองรถให้ดีก่อนออกตัวทุกครั้ง
 
          ถือว่าสำคัญมากในเรื่องของการตรวจสอบรถให้มั่นใจก่อนออกตัว เพราะถ้าหากผู้ขับขี่ออกตัวไปโดยที่ไม่รู้ว่ามีรถที่กำลังขับมาด้วยความเร็ว จะทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเอาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นแล้วควรมองซ้ายขวาหน้าหลังให้มั่นใจก่อนออกตัวทุกครั้งนะครับ

3. เตรียมความพร้อมให้ทั้งตัวเราและผู้ซ้อนท้ายเสมอ

ซ้อนท้ายอย่าลืมหมวกกันน็อค
 
          ทราบกันดีอยู่แล้วว่าผู้ขับขี่จะต้องมีอุปกรณ์เซฟตี้ แต่สำหรับผู้ซ้อนท้ายในบางครั้งเราก็ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ต่างๆมา ซึ่งการที่มีผู้ซ้อนท้ายนั้นส่งผลโดยตรงต่อการขับขี่อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงควรเตรียมอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยสำรองเอาไว้ด้วย อย่างเช่นหมวกกันน็อค หรือเสื้อผ้าในรูปแบบเดียวกับผู้ขับขี่ เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ขับและผู้ซ้อนนะครับ

4. ตรวจสอบรถ เช็คสภาพอากาศและทัศวิสัยก่อนที่จะขับขี่

อย่าลืมตรวจสอบสภาพอากาศ
 
          เรื่องของสภาพอากาศอย่างเช่น มีฝนตก นั้นสามารถทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ของเราลดลงได้อย่างเหลือเชื่อ ดังนั้นเราควรตรวจสอบทั้งในเรื่องของฝนฟ้าอากาศ รวมถึงถนน ว่ามีอุปสรรคอะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ เช่น หิน ดิน ทราย ที่อาจทำให้เราลื่นล้มเอาได้ง่ายๆ รวมถึงการตรวจเช็คสภาพรถเป็นระยะๆ เพื่อที่จะให้รถของเรานั้นอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานทุกสถานการณ์

5. เว้นระยะห่างของรถแต่ละคันให้สัมพันธ์กับความเร็ว

เว้นระยะห่างให้เหมาะสม
 
          ในกรณีของการขับรถจักรยานยนต์ออกทัวร์กันเป็นหมู่คณะ เราไม่ควรจะขับเบียดเสียด และใกล้ชิดกันมากเกินไป เพราะจะทำให้เมื่อเกิดความผิดพลาดจากคันหน้า รถทางด้านหลังอาจจะเบรคไม่ทัน และเกิดอุบัติเหตุได้ หรือแม้แต่การขับขี่คนเดียว เราไม่ควรที่จะเข้าไปจ่อท้ายของรถคันหน้าเราให้มากนัก และทางที่ดีเพื่อความปลอดภัยของเราเอง หากมีโอกาสให้เลือกเบรคในระบบ ABS เพราะจะสามารถลดระยะช่วงการเบรคได้เยอะพอสมควรทีเดียว

6. มีสมาธิตลอดเวลาเมื่อขับขี่

อย่าเหม่อหรือใจลอยตอนขับรถ
 
          รู้กันดีอยู่แล้วว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา เพราะฉะนั้นแล้วไม่ควรใจลอย หรือเหม่อในขณะขับรถคู่ใจ พยายามตั้งสมาธิและจดจ่อกับการขับขี่ให้ดี ซึ่งในจุดนี้ช่วยได้มากเลยทีเดียวในเรื่องของความปลอดภัยนะครับ

7. อย่าห้าว

อย่าห้าวตามคนอื่น
 
          หลายๆคนเห็นคนอื่นโชว์การบิดอันทรงพลัง ตีโค้งแบบเซียน แล้วเกิดอาการอยากจะทำตาม แต่อันที่จริงแล้ว เราควรขับภายใต้ทักษะและความสามารถที่เรามีจะดีกว่านะครับ เพราะหากเราห้าวไปทำตามแล้วละก็ รถเราอาจจะไม่ได้มีสมรรถนะที่ดีอย่างนั้น ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

8. สวมใส่รองเท้าสำหรับขับรถ

รองเท้าสำหรับขับ Bigbike
 
          การขับรถจักรยานยนต์นั้นต้องใช้หลักๆอยู่ 2 ส่วน ด้วยกัน นั่นคือมือ และเท้า โดยการเลือกใช้รองเท้าเพื่อขับรถนั้นมีความสำคัญไม่ใช่น้อย เพราะหากเราสวมใส่รองเท้าที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานสำหรับขับรถ ผู้ขับขี่อาจจะเกิดอาการเจ็บจากการสัมผัสเกียร์หรืออะไรต่างๆนานา โดยรองเท้าสำหรับการขับรถนั้นมีการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในลักษณะนี้ โดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าต้องดีและปลอดภัยกว่ารองเท้าธรรมดา

9. เสื้อผ้าที่เหมาะสม

ชุดสำหรับขับ Bigbike
 
          เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะรักษาความปลอดภัยของเรา นั่นก็คือการเลือกเสื้อผ้าสำหรับขับขี่นั่นเอง ทางที่ดีสำหรับผู้ที่ชอบขับขี่ด้วยความเร็วสูง หากมีชุดที่มีอุปกรณ์ป้องกันจำพวก ศอก เข่า ฯลฯ จะช่วยเซฟและลดอาการบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุได้ดีทีเดียว

10. หาโอกาสอบรมเรื่องความปลอดภัย

อบรมเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
 
          ในปัจจุบันนี้มีคอร์สอบรมเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภันเพิ่มมากขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจากแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์เอง หรือจากกลุ่มองค์กรต่างๆ ดังนั้นชาวไบค์เกอร์ทั้งหลายก็ควรจะหาเวลาว่างเพื่อไปเข้าอบรมดูบ้าง ซึ่งเราอาจจะได้ความรู้ใหม่ๆที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็เป็นได้นะครับ

 
          และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผุ้ขับขี่ หรือชาว Biker ทั้งหลาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือทักษะการควบคุมรถของเรานั่นเอง จงจำไว้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทางที่ดีควรรักษาปลอดภัยไว้ก่อนจะดีที่สุดนะครับ และสำหรับครั้งหน้าเราจะนำเกร็ดความรู้ดีๆเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์รูปแบบไหนมาให้ได้ชมกัน เพื่อนๆสามารถติดตามกันได้ที่ BoxzaRacing เลยนะครับ
Advertisement
KTM 690 ENDURO R
ประเภทที่ห้า ENDURO BIKE (เอ็นดูโร่ไบค์) Bigbike ที่เน้นการลุยแบบวิบาก มีความสูงค่อนข้างมาก พร้อมลุยทุกสภาพถนนมีหลายขนาดเครื่องยนต์ สามารถลุยทั้งดิน น้ำ หิน โคลน อย่างยอดเยี่ยมและมีประสิทธิภาพ น้ำหนักค่อนข้างเบา ดีไซน์ปราดเปรียวบางแต่ว่าแข็งแรง เน้นการใช้ยางแบบหนา ไม่นิยมการใช้งานกับสภาพถนนเรียบๆซักเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น สำหรับเอ็นดูโร่ที่โดดเด่นหลายๆรุ่นก็มี KTM 690 ENDURO R, Ducati Scrambler Urban Enduro, BMW G 650 GS SERTO, Beta RR Enduro 50 Standard เป็นต้น แต่ละรุ่นเท่กินกันไม่ขาดทั้งนั้น
2015-Yamaha-XT1200ZE-Super-Tenere-Race-Blu-Action-006
ประเภทที่หก MOTARD BIKE (โมตาร์ดไบค์) เป็นมอเตอร์ไซค์คล้ายเอ็นดูโร่ แต่ว่า จะสามารถเน้นการใช้งานบนทางเรียบ แต่ก็สามารถลุยกับสภาพถนนที่เป็นดินเรียบๆ ฝุ่นเรียบๆได้เช่นกัน มีความนุ่มนวลและสามารถเกาะถนนได้เป็นอย่างดี มีหลากหลายขนาด โมตาร์ดยอดนิยมมีหลายรุ่นด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Aprilia 1200 Dorsoduro, HONDA CRF250M, YAMAHA SUPER TENERE, Benelli Motard 250 เป็นต้น แต่ละคันสวยสดงดงามสุดๆเลยทีเดียว
Suzuki V-Strom 650 ABS
ประเภทที่เจ็ด DUAL PURPOSE BIKE (ดูออล เพอร์โพส ไบค์) Bigbike ลูกครึ่งระหว่างโมตาร์ดและเอ็นดูโร่ เรียกว่าผสมผสานสมรรถนะที่ใช้บนท้องถนนได้เป็นอย่างดีพร้อมลุยและสามารถทัว ริ่งได้ในคราวเดียว มีเครื่องยนต์หลายแบบ มีล้อขนาดใหญ่ดีไซน์ปราดเปรียว มีกระเป๋าสัมภาระ ตอบโจทย์การเดินทางได้อย่างเต็มรูปแบบ สำหรับบิ๊กไบค์ประเภทนี้ก็ได้แก่ BMW G650 GS, Kawasaki KLR6504, Honda CROSSTOURER SE, และที่กำลังฮอตที่สุดในตอนนี้ก็คือ Suzuki V-Strom 650 XT ABS ที่สิงห์นักบิดหลายๆคนทุบกระปุกซื้อกันเป็นแถวๆ
Vespa GTS 300 Super
ประเภทที่แปด SCOOTER BIKE (สกู๊ตเตอร์ไบค์) ประเภทนี้มีหลายรุ่นด้วยกันที่ได้รับความนิยมเป็นสกู๊ตเตอร์เครื่องยนต์ขนาด เล็กขึ้นไป มีเบาะนั่งขนาดใหญ่ ใช้ระบบเกียร์ออโตเมติค ดีไซน์สปอร์ตสวยงาม ล้ำสมัย มีที่เก็บของขนาดใหญ่ เรียกว่าเป็นบิ๊กไบค์ที่เน้นความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นอย่างมาก เครื่องยนต์ไม่เน้นแรงเท่าไหร่ แต่เน้นการขับขี่ที่สบายเป็นหลัก ยี่ห้อและรุ่นยอดนิยมของบิ๊กไบค์แนวสกู๊ตเตอร์ได้แก่ HONDA FORZA300, Suzuki Burgman 400 ABS, Kawasaki J300, Aprilia SR Max เป็นต้นครับ เป็นสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมที่หรูหราและไฮคลาสมากๆ
2015-Yamaha YZ450F
ประเภทที่เก้า MOTOCROSS BIKE (โมโตครอสไบค์) เป็น Bigbike สไตล์วิบากที่เอาไว้ใช้ในการแข็งขันมอเตอร์ไซค์วิบากเป็นหลัก ไม่นิยมใช้วิ่งขับขี่บนท้องถนน เพราะว่าอุปกรณ์ต่างๆนั้น อาจะไม่ครบ เช่นไฟหน้า หรือมาตราวัดความเร็ว เพราะว่าอุปกรณ์เหล่านี้ไม่สำคัญในการใช้แข่งขัน เครื่องยนต์มีหลากหลายขนาด ใช้ยางขนาดใหญ่ เพื่อการลุยที่ดี มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง มีถังน้ำมันขนาดเล็ก ช่วงล่างดีเยี่ยม ดีไซน์โฉบเฉี่ยวปราดเปรียว โมโตครอสยอดนิยมมีหลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ดังเรื่องโมโตครสอย่าง Kawasaki KX250F , Kawasaki KX250F, Yamaha YZ450F, Suzuki RM-Z450 เป็นต้น เรียกว่าเป็นโมโตครอสยอดนิยมที่ใช้ในการแข่งขันวิบากมากที่สุดเลยก็ว่าได้
แต่ละแบรนด์ก็ผลิต Bigbike รูปแบบต่างๆ ประเภทต่างๆมาฟาดฟันกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดีไซน์ เครื่องยนต์ ความคุ้มค่า ราคา การใช้งานต่างๆแบบเต็มที่ และทำให้ทุกวันนี้ มีหลากหลายประเภทจนวงการตลาดรถได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สำหรับใครที่ไม่รู้จักประเภท Bigbike เดี๋ยวมาดูกันว่ามีบิ๊กไบค์มีกี่ประเภท และมีประเภทอะไรบ้าง
Ducati 899 Panigale
ประเภทแรกคือ SPORT BIKE (สปอร์ตไบค์) สำหรับสปอร์ตไบค์นั้น ชื่อก็ตรงๆเลยคือ มอเตอร์ไซค์สปอร์ต ภาพลักษณ์ภายนอก ก็เน้นความชัดเจนในเรื่องของดีไซน์ที่ดูสปอร์ตมากๆ อีกทั้งความแรง ก็อยู่ในระดับสูงแต่ ก็มีหลายระดับให้เลือกใช้ ส่วนใหญ่มีความคล่องตัวและความหรูหราปราดเปรียวโฉบเฉี่ยว น้ำหนักค่อนข้างเบา สำหรับสปอร์ตไบค์ที่ได้รับความนิยมก็มีหลายรุ่น สำหรับ Sport ไบค์รุ่นเล็ก 100-399 ซีซี ต้อง ต้องยกให้ Honda CBR250R ต่อที่ ขนาดกลาง 400 – 999 ซีซี ต้องยกให้ Kawasaki Ninja ZX-6R, มาดูที่ขนาดใหญ่ตั้งแต่ 1000 ซีซีขึ้นไป พลาดไม่ได้กับ KTM 1190 RC8 R
Ducati Multistrada 1200 S Touring-7
ประเภทที่สองคือ TOURING BIKE (ทัวริ่งไบค์) บิ๊กไบค์สไตล์ทัวริ่ง เป็น Bigbike ที่เน้นการใช้งานในระยะทางไกลๆ มีเบาะนั่งขนาดใหญ่ ซ้อนได้สองคน มีกระเป๋าอเนกประสงค์มาให้ เครื่องยนต์มีหลากหลายขนาด แต่สวนใหญ่จะเป็นขนาดกลางขึ้นไป เพื่อการเดินทางที่ยอดเยี่ยม การทรงตัวนั้นจะมีช่วงล่างที่นุ่มนวล คล่องตัวและขับขี่สบายกว่าบิ๊กไบค์ประเภทอื่นๆ บิ๊กไบค์ทัวริ่งนั้นมีหลายดีไซน์ ยกตัวอย่างเช่น ไซส์กลาง ขนาด 400 – 999 cc เช่น BMW F800GT , ไซส์ใหญ่ 1000 ซีซีขึ้นไป ต้องมอบความยอดเยี่ยมให้ ทัวริ่งจากอังกฤษเลย สำหรับ Triumph Trophy SE เรียกว่าเป็นทัวร์ริ่งที่ยอดเยี่ยมพอตัวเลยทีเดียว
Harley davidson xl 883l
ประเภทที่สามคือ CHOPPER or CRUISER BIKE (ช็อปเปอร์ หรือ ครุยเซอร์ไบค์) เป็นมอเตอร์ไซค์แนวช็อปเปอร์ โดนส่วนใหญ่จะมีความคลาสสิค มอเตอร์ไซค์ประเภทนี้เน้นดีไซน์เป็นหลัก ค่อนข้างโดดเด่นด้วยความเงางาม เครื่องยนต์ก็มีตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ แฮนด์บาร์จะใช้แบบพิเศษไม่เหมือนบิ๊กไบค์รุ่นอื่นๆ ถ้าพูดถึงช็อปเปอร์แล้ว แบรนด์ช็อปเปอร์ที่โด่งดังก็คงหนีไม่พ้น  Harley-Davidson XL1200X Forty-Eight ส่วนอีกแบรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คือ Indian Chief Classic ที่สะกดทุกสายตาไม่ว่าจะจอดอยู่เฉยๆหรือขับขี่ก็ตาม
Ducati Monster 796
ประเภทที่สี่คือ NAKED BIKE (เน็คเก็ดไบค์) เป็นบิ๊กไบค์ทรงสตรีทที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันและมีหลายรุ่นมาก มาย ดีไซน์สวยงาม เป็นการใช้ความสปอร์ตและความสตรีทดีไซน์เผยให้เห็นความดิบขงโครงสร้างและ เครื่องยนต์อย่าเด่นชัด เครื่องยนต์มีหลายขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ดีไซน์ส่วนใหญ่สวยงามสะดุดตะ เป็น Bigbike ที่สามารถโต้ลมได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เปลือยดีไซน์ที่เท่มากๆ โดยเน็คเก็ดไบค์ยอดนิยมมีหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Ducati Monster 796, BMW S 1000 R, Aprilia SL 750 Shiver, Honda CB 1000 R, Kawasaki Z1000, KTM 1290 Super Duke R เป็นต้น เรียกว่าแต่ละคันสตรีทและเท่ไม่เบา